วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562

10 อาชีพ ทำแล้วรวย ทวนกระแส! ลงทุนน้อยแค่ 3 พัน

10 อาชีพ ทำแล้วรวย ทวนกระแส! 

ลงทุนน้อยแค่ 3 พัน แต่กำไรหลายเท่าตัว !!!

เชื่อว่าตอนนี้คนที่ตกงานหรือเบื่องานเก่าหลายคนคงกำลังมองอาชีพที่ต้นทุนน้อยๆ แต่ได้กำไรมากๆ กันอยู่แน่ๆ แต่จะทำอะไรดีล่ะในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ถ้าใครคิดไม่ออกล่ะก็วันนี้จะแนะนำ 10 อาชีพที่ใช้ต้นทุนเพียงแค่ 3000 บาทเท่านั้นเอง
แต่ละอาชีพที่นำมาเสนอในวันนี้ อาจมีความยาก หรืออาจดูง่ายไปสำหรับคุณ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ถ้าคุณไม่มีความอดทน ขยัน ท้อแท้ต่ออุปสรรค และไม่มีความทะเยอะทะยาน ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ดังนั้น คนที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ ย่อมคู่ควรกับเงินล้าน และที่สำคัญจากอาชีพเล็กๆ มีรายได้แค่ 3-4 พันบาท ต่อไปในอนาคตสามารถทำรายได้ให้คุณมากถึงหลักล้านบาทได้เลยทีเดียว
มาเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ รีบปลดปล่อยความจน แล้วพุ่งหาความรวยด้วยสองมือ สองเท้าของตัวเองกันดีกว่า และถ้าคุณอยากรวยมาศึกษาอาชีพเหล่านี้ และนำไปลงมือทำ หรือนำไปต่อยอดเพิ่มเติมก็ไม่ว่ากัน
1.ลงทุนขายรองเท้ามือสอง

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายรองเท้ามือสองให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งรับซื้อรองเท้ามือสอง เช่น โรงเกลือ,สำเพ็ง,ประตูน้ำ 2.ศึกษาแหล่งตลาดวางขายสินค้า 3.ศึกษารูปแบบรองเท้าที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ 4.หาอุปกรณ์สำหรับวางขายสินค้า
เทคนิคการขาย : หากคุณรับซื้อรองเท้ามือสองมาคู่ล่ะ 30 บาท อันดับแรกต้องดูคุณภาพของรองเท้าทั้งสี รอยชำรุดต่าง ๆ แล้วนำกลับมาซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี ซึ่งจากคู่ละ 30 บาท สามารถขายได้ 70-100 บาท ตามคุณภาพของสินค้า ดังนั้น ถ้ารับซื้อมาคู่ละ 30 บาท ในจำนวนเงิน 2,000 บาท จะได้ประมาณ 66 คู่ ส่วนเงินอีก 1,000 บาท ไว้เป็นเงินสำรองและทอน ส่วนอุปกรณ์วางขายไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ เอาผ้าปูพื้นหรือโต๊ะมาวางรองเท้าก็ได้ เพียงเท่านี้รายได้จากการขายก็จะได้เป็นเท่าตัว อีกอย่างขายรองเท้ามือสองสามารถเก็บไว้ขายต่อเมื่อไรก็ได้ สินค้าไม่เน่าเสีย

2.ลงทุนขายเสื้อผ้ามือสอง

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายรองเท้ามือสองให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งรับซื้อรองเท้ามือสอง เช่น โรงเกลือ,สำเพ็ง,ประตูน้ำ 2.ศึกษาแหล่งตลาดวางขายสินค้า 3.ศึกษารูปแบบรองเท้าที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ 4.หาอุปกรณ์สำหรับวางขายสินค้า
เทคนิคการขาย : หากคุณรับซื้อรองเท้ามือสองมาคู่ล่ะ 30 บาท อันดับแรกต้องดูคุณภาพของรองเท้าทั้งสี รอยชำรุดต่าง ๆ แล้วนำกลับมาซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพการใช้งานที่ดี ซึ่งจากคู่ละ 30 บาท สามารถขายได้ 70-100 บาท ตามคุณภาพของสินค้า ดังนั้น ถ้ารับซื้อมาคู่ละ 30 บาท ในจำนวนเงิน 2,000 บาท จะได้ประมาณ 66 คู่ ส่วนเงินอีก 1,000 บาท ไว้เป็นเงินสำรองและทอน ส่วนอุปกรณ์วางขายไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ เอาผ้าปูพื้นหรือโต๊ะมาวางรองเท้าก็ได้ เพียงเท่านี้รายได้จากการขายก็จะได้เป็นเท่าตัว อีกอย่างขายรองเท้ามือสองสามารถเก็บไว้ขายต่อเมื่อไรก็ได้ สินค้าไม่เน่าเสีย


2.ลงทุนขายเสื้อผ้ามือสอง

มีเงิน 3,000 บาท ลงทุนขายเสื้อผ้ามือสองให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งรับซื้อเสื้อผ้ามือสอง เช่น ตลาดปัฐวิกรณ์,โรงเกลือ,สำเพ็ง และร้านขายส่งเสื้อผ้ามือสองราคาถูก 2.ศึกษาแหล่งตลาดวางขายสินค้า 3.ศึกษารูปแบบเสื้อผ้าที่กลุ่มเป้าหมายต้องการ 4.หาอุปกรณ์สำหรับวางขายสินค้า
เทคนิคการขาย : หากคุณไปรับซื้อเสื้อผ้ามือสองมาในราคาตั้งแต่ 5 บาทไปจนถึง 50 บาท ในเงินจำนวน 2,000 บาทจะได้เสื้อผ้ามือสองมากกว่า 100 ตัว ดังนั้น ก่อนซื้อเสื้อผ้ามือสองเช็คสภาพสินค้าให้ดี ต้องไม่มีรอยชำรุด รอยขาด หรือเสื้อผ้ายืดจนไม่เหมาะแก่การใส่อีกต่อไป พร้อมนำไปซักให้ดูสะอาด และตั้งราคาตามคุณภาพของสินค้า รับรองรายได้มากกว่า 2 เท่าชัวร์ ส่วนเงินอีก 1,000 บาทก็นำไว้เป็นเงินทอนและเงินสำรองในการลงทุนครั้งต่อไป

3.ลงทุนขายลูกชิ้นทอด

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายลูกชิ้นทอดให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งรับซื้อลูกชิ้นราคาส่งและราคาถูกตามท้องตลาด 2.เลือกลูกชิ้นหลาย ๆ ประเภท เช่น ลูกชิ้นปลา ปูอัด เอ็นไก่ เอ็นหมู แฮม หรือลูกชิ้นเนื้อ เป็นต้น 3.เรียนรู้วิธีการทอดลูกชิ้น เพื่อไม่ให้เกิดการไหม้ หรือน้ำมันเยอะจนเกินไป 4.เรียนรู้การทำสูตรน้ำจิ้มที่อร่อย 5.หาแหล่งตลาดขายสินค้า
เทคนิคการขาย : หากคุณลงทุนซื้อลูกชิ้นมาขายในราคา 1,500 บาท เสียบลูกชิ้นไม้ละ 4-5 ลูกตามความเหมาะสม ขายในราคาไม้ละ 5-10 บาท พร้อมลงทุนซื้อเครื่องปรุงทำน้ำจิ้ม 500 บาท ซื้อถุงใส่ลูกชิ้น 200 บาท รายจ่ายทั้งหมดคือ 2,200 บาท เหลือเก็บไว้สำหรับทอนลูกค้า 900 บาท นอกจากนี้ลูกชิ้นสามารถนำไปยำเพื่ออัพราคาขายได้อีกด้วย ถ้าในหนึ่งวันขาย 2 รอบ เช้า-เย็น รับรองรวยเละ ไม้ละ 5X 500 ไม้= 2,500 บาท (รายได้จากการขาย) ขายรอบเย็นได้เงินอีก 2,500+2,500=5,000 บาท ไม่รวยคราวนี้จะให้รวยเมื่อไรล่ะ

4.ลงทุนขายไข่เจียว

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายข้าวไข่เจียวให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งซื้อวัตถุดิบ ข้าวสวย ไข่ไก่ น้ำมัน ผัก เนื้อสัตว์ และอุปกรณ์การปรุงรส (น้ำปลา ผงชูรส รสดี เป็นต้น) 2.ศึกษาตลาด 3.เรียนรู้วิธีการทอดไข่เจียวหลาย ๆ รูปแบบ เช่น ไข่เจียวหมูสับ ไข่เจียวรวมมิตรผัก ไข่เจียวทูน่า หรือไข่เจียวพริกเผา เป็นต้น 4.หาแหล่งตลาดขายข้าวไข่เจียว
เทคนิคการขาย : ให้เลือกตลาดที่ติดกับโรงเรียน ชุมชน โรงงาน และบริษัทห้างร้านต่าง ๆ เลือกเวลาขายในช่วงกลางวัน หลังเลิกงาน และกลางดึก เพราะเป็นเวลาที่กลุ่มลูกค้ามักหาข้าวกิน ส่วนเงินลงทุนแค่พันกว่าบาทก็อยู่แล้ว แต่คุณต้องคำนวณค่าใช้จ่าย+แหล่งตลาดที่ซื้อวัตถุดิบก่อนจับจ่ายสินค้าเสมอ ถ้าคุณขายเข้าไข่เจียวในราคา 20-25 บาท สามารถขายได้ 100 จาน เป็นเงิน 2,500 บาท แต่เชื่อเถอะขายได้มากกว่า 100 จานชัวร์

5.ลงทุนขายโจ๊ก

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายโจ๊กให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งวัตถุดิบที่ดีราคาถูก 2.ศึกษาตลาดและกลุ่มเป้าหมาย 3.เรียนรู้การทำโจ๊กหลาย ๆ รูปแบบ ทั้งโจ๊กสำหรับเด็ก/ผู้ใหญ่/คนแก่ 4.หาแหล่งตลาดขายโจ๊ก เช่น ใกล้โรงเรียน บริษัท โรงงาน แหล่งชุมชนเป็นต้น
เทคนิคการขาย : เมื่อคุณเรียนรู้เรื่องการทำโจ๊กหลายรูปแบบที่เหมาะแก่กลุ่มเป้าหมายแล้ว ต้องเรียนรู้การทำโจ๊กที่มีเครื่องเคียงที่หลายหลายเช่นกัน เช่น โจ๊ะหมู โจ๊กเห็ด โจ๊กกุ้ง โจ๊กปลาหมึก โจ๊กผัก โจ๊กเด็กอ่อน เป็นต้น เพื่อให้เกิดการตอบสนองจำนวนมาก ซึ่งโจ๊กเหมาะสำหรับการขายรอบเช้าและรอบเย็น ถ้าวันหนึ่งขายโจ๊กได้ 500 ถุง ราคาถุงละ 30 บาท เป็นเงิน 15,000 ส่วนต้นทุนการขายโจ๊ก 3,000 บาทเอาอยู่แน่นอน แต่คุณต้องคำนวณค่าใช้จ่ายให้ดีก่อนเสมอ

6.ลงทุนขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวนให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งซื้อวัตถุดิบที่ดีราคาถูก 2.ศึกษาตลาด/กลุ่มเป้าหมาย/ความต้องการของลูกค้า 3.หาแหล่งขายสินค้า เช่น หน้าโรงเรียน/มหาวิทยาลัย/หอพัก/โรงงาน/บริษัท 4.เรียนรู้เรื่องการทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน และน้ำจิ้มให้อร่อย
เทคนิคการขาย : การลงทุนทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนขาย ต้องคำนวณรายจ่ายก่อน เช่นมีงบ 3,000 บาท ซื้อกล่องใส่ 200 บาท ซื้อวัตถุดิบก๋วยเตี๋ยวไม่เกิน 2,000 บาท ซึ่งก๋วยเตี๋ยวลุยสวนใช้ค่าใช้จ่ายไม่เยอะ ดังนั้น ถ้าคุณขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวนในราคากล่องละ 30 บาท ขายได้ 300 กล่อง เป็นเงิน 9,000 บาท ถ้าเอาไปฝากขายหน้าร้านทั่วไปอีก รับรองรายได้ไม่ใช่แค่ 9,000 บาท ชัวร์

7.ลงทุนขายแซนวิสใส้ต่างๆ

มีเงิน 3,000 บาท ลงทุนขายแซนวิสให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งซื้อวัตถุดิบทั้งขนมปัง ผัก แฮม เนื้อสัตว์ ไข่ เป็นต้น 2.เรียนรู้การทำแซนวิสที่หลากหลายรูปแบบ 3. ศึกษาตลาดและกลุ่มเป้าหมาย 4.หาแหล่งขายแซนวิส เช่น หน้าโรงเรียน/โรงงาน/บริษัท/ป้ายรถเมล์/ใต้บีทีเอส เป็นต้น
เทคนิคการขาย : เมื่อคุณเรียนรู้วิธีการทำแซนวิสหลายหน้า หลายรูปแบบ ให้ตั้งราคาตามคุณภาพและขนาดของแซนวิส พร้อมทั้งต้องตั้งราคามากกว่าต้นทุน 5-10 บาท อาจจะขายในราคาชิ้นละ 15 บาท 20 บาท เป็นต้น ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การขายมากที่สุดคือ ช่วงเช้า และตอนเย็น ส่วนต้นทุนนั้นไม่มาก ลงทุนแค่ 1,500 บาทก็เอาอยู่ ถ้าคุณขายได้ 500 ชิ้น/วัน จะเป็นจำนวนเงิน 7,500 บาท แต่ถ้าคุณสามารถขายส่งตามโรงเรียนและสถานที่ทำงานได้ ออร์เดอร์วัน ๆ หนึ่ง ทำรายได้ให้คุณเหยียบหมื่นชัวร์

8.ลงทุนข้าวเหนียวหมูปิ้ง

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายข้าวเหนียวหมูปิ้งให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งตลาดซื้อวัถุดิบ 2.เรียนรู้สูตรการทำหมูปิ้งที่อร่อย 3.หาอุปกรณ์เตาปิ้งขนาดเล็ก-กลาง(สามารถผลิตขึ้นมาเองได้) 4.ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้า
เทคนิคการขาย : อันดับแรกก่อนจ่ายตลาด คุณต้องคำนวณต้นทุน โดยห้ามตั้งงบ 3,000 บาท ห้ามเกิน ห้ามขาด เด็ดขาด ซึ่งค่าใช้จ่ายหลัก ๆ คือ เนื้อหมู ไม้เสียบ ข้าวเหนียว และถุงใส่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ส่วนเตาปิ้งคุณสามารถผลิตเองได้ โดยต้องศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ดังนั้น ถ้าคุณสามารถขายได้ 100 ไม้ ในราคาไม้ละ 5 บาท เป็นจำนวนเงิน 500 บาท ราคาเข้าเหนียวถุงละ 5 บาท ขายได้ 300 ถุง เป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท รวมเป็นรายได้ทั้งหมด 2,000 บาท ถ้าขายสองรอบ มีรายได้ทั้งหมด 4,000 บาท แต่ถ้าคุณลงทุนเพิ่มขึ้น ขยายสาขาออกเป็น 2-3 สาขา รายได้เหยียบหมื่นแน่นอน

9.ลงทุนขายยำวุ้นเส้น

มีเงิน 3,000 บาทลงทุนขายยำวุ้นเส้นให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งตลาดซื้อสินค้า 2.เรียนรู้การทำยำให้อร่อย 3.เรียนรู้การทำสูตรน้ำยำ 4.ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้า 5.หาแหล่งขายสินค้า เช่น หน้าโรงงาน/บริษัท /โรงเรียน/หอพัก เป็นต้น
เทคนิคการขาย : เมื่อคุณเรียนรู้การทำยำในหลากหลายเมนูแล้ว ลองนำไปให้เพื่อน ๆ ชิมว่ารสชาติเป็นอย่างไร เพื่อให้เพื่อน ๆ คอนเม้นท์ และปรับปรุงให้ดีขึ้น ดังนั้น ถ้าคุณสามารถขายได้ 200 จาน/วัน จานละ 35 บาท เป็นจำนวนเงิน 7,000 บาท แต่ถ้าคุณสามารถขยายสาขาเพิ่มได้อีก 2-3 สาขา รายได้มากกว่าหลักหมื่นต่อวันชัวร์ ส่วนต้นทุน ต้องคำนวณก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ได้เข้าเนื้อตัวเองจนเกินไป

10.ลงทุนผัดมาม่าขาย

มีเงิน 3,000 บาท ลงทุนผัดมาม่าขายให้ประสบความสำเร็จ 1.หาแหล่งซื้อวัตถุดิบ 2.ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้า 3.เรียนรู้การทำผัดมาม่าที่อร่อย 4.หาแหล่งขายสินค้าที่เหมาะสม เช่น ตลาดนัดตอนเย็น/หน้าโรงงาน/บริษัท เป็นต้น
เทคนิคการขาย : การทำมาม่าผัดคุณสามารถขายได้ในราคาห่อละ 10-15 บาท และถ้าคุณสามารถผัดได้หลากหลายเมนู เช่น เส้นหมี่ขาว หมี่เหลือง เส้นใหญ่ เป็นต้น ได้ก็ยิ่งดี เพื่อเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้น ส่วนวัตถุดิบเครื่องเคียงเป็นผักและลูกชิ้น ฯลฯ โดยต้นทุนใช้ไม่มาก แค่ 1,000 บาทก็เอาอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าคุณขายได้ 500 ห่อในราคา 10 บาท เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท แต่ถ้าขยายสาขาเป็น 2 สาขา รายได้หลักหมื่นชัวร์

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ และภาพประกอบจาก : therichmustknow , นายฟรีสไตล์ มากๆคร้า

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เครื่องทำน้ำอุ่น เลือกซื้ออย่างไร ยี่ห้อไหนดี อ่านง่าย 5 นาทีจบ


เครื่องทำน้ำอุ่น เลือกซื้ออย่างไร ยี่ห้อไหนดี อ่านง่าย 5 นาทีจบ

          เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นสุดยอดเครื่องไฟฟ้าที่มีประโยชน์มากๆ โดยเฉพาะในฤดูหนาว การอาบน้ำเย็นท่ามกลางอากาศหนาวเป็นอะไรที่รู้สึกทรมานอย่างยิ่ง เครื่องทำน้ำอุ่นก็เลยมีความจำเป็นโดยเฉพาะกับคนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบคงไม่มีเวลามานั่งต้มน้ำเหมือนในอดีตอีกแล้ว
          แต่หลายคนก็อาจจะยังสงสัยอยู่ว่า จะเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นแบบไหนดี แต่ละเครื่องมันแตกต่างกันอย่างไร บทความนี้บุญถาวรจะมาแชร์วิธีการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นแบบเข้าใจง่ายที่คุณสามารถอ่านทำความเข้าใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะสำหรับท่านที่กำลังเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นอยู่สามารถนำเอาเนื้อหาที่อยู่ในบทความนี้ไปประยุกต์ใช้กับการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นได้เลย
          เครื่องทำน้ำอุ่นไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น แต่การอาบน้ำอุ่นยังสามารถอาบได้ทั้งปี สำหรับคนที่ชอบความผ่อนคลายหลังเลิกงาน การได้อาบน้ำอุ่นตอนหัวค่ำเป็นเหมือนการพักผ่อนจากชีวิตอันหนักหน่วงในแต่ละวัน ช่วยให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัว จนทำให้หลายคนติดการอาบน้ำอุ่นไปเลยทีเดียว  


หัวข้อถัดไปเป็นการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นแบบง่ายที่ใครก็สามารถทำได้

การเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น

          ปัจจัยแรกในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นก็คือ กำลังไฟของเครื่องทำน้ำอุ่น ยิ่งมีกำลังไฟมากก็จะสามารถเปลี่ยนน้ำให้ร้อนได้เร็วและร้อนจริง เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังไฟน้อย อาจจะทำให้น้ำร้อนช้าหรือน้ำไม่ร้อน เวลาอาบแล้วไม่รู้สึกอุ่น ถ้าเป็นบ้านที่ตั้งอยู่ในภาคเหนือ หรือบ้านตั้งอยู่เป็นที่สูง บนเขา ที่มีอากาศหนาว ยิ่งต้องเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีปริมาณวัตต์สูงๆ เพราะมีกำลังไฟมากพอที่จะเปลี่ยนเย็นให้กลายเป็นน้ำอุ่น อากาศหนาวมากๆ ก็ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังไฟฟ้ามากตามไปด้วย
          แต่ไม่ได้หมายความว่าการเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังไฟสูงๆ จะดีเสมอไป เพราะเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังไฟสูงๆ ก็จะทำให้กินไฟมากขึ้นตามไปด้วย และยังต้องตรวจสอบอีกด้วยว่ามิเตอร์ไฟที่ติดตั้งอยู่ในบ้านของคุณรองรับการใช้กำลังไฟได้มากน้อยแค่ไหน ในบางครั้งถ้าซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังไฟมากๆ ก็จริง แต่มิเตอร์ไฟไม่รองรับก็ไม่สามารถใช้งานได้เช่นกัน 

          อีกหนึ่งปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น ก็คือความสามารถในการประหยัดไฟ ให้คุณเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ซึ่งแสดงว่าเครื่องทำน้ำอุ่นนี้มีความประหยัดไฟ ไม่กินไฟสูง เพราะโดยปกติแล้วเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมาก ยิ่งถ้ามีการเปิดใช้ทุกวัน วันละหลายๆ รอบก็จะยิ่งกินค่าไฟไปอีกเยอะมาก จึงควรเลือกซื้อรุ่นที่มีการประหยัดพลังงานไฟ จะช่วยลดค่าไฟได้เป็นอย่างมาก

ปัจจัยต่อมาคือความแรงของน้ำที่ไหลออกมาจากเครื่องทำน้ำอุ่น และมันสำคัญมาก ต่อการใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์อาบน้ำผ่านเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วน้ำไหลเบา แต่พอเปิดน้ำจากฝักบัวที่ไม่ได้ผ่านเครื่องทำน้ำอุ่น ปรากฏว่าน้ำไหลได้แรง นี่ก็เป็นเพราะความแรงของน้ำไม่เท่ากัน

          ยิ่งน้ำไหลได้แรง ไหลได้เยอะ ก็จะยิ่งทำให้อาบน้ำได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าน้ำไหลออกมาเบา ไหลออกมานิดเดียว ก็จะเกิดความรำคาญในระหว่างการอาบน้ำได้ จึงควรเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีท่อน้ำเข้าและท่อน้ำออกขนาดใหญ่เพื่อให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ในปริมาณมาก

ความปลอดภัยสำคัญที่สุด

          สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นก็คือ ความปลอดภัย อย่างที่เรารู้กันดีว่าน้ำกับไฟฟ้าเป็นของที่ไม่ควรอยู่ด้วยกัน ซึ่งการทำงานของเครื่องทำน้ำอุ่นคือการใช้พลังงานไฟฟ้ามาเปลี่ยนน้ำให้มีความร้อน ดังนั้นจึงมีความอันตรายสูงมาก มีโอกาสที่จะเกิดไฟรั่ว ไฟช๊อต และสร้างอันตรายถึงชีวิตแก่ผู้ใช้งานได้ ระบบการรักษาความปลอดภัยของเครื่องทำน้ำอุ่นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นควรมีการติดตั้งสายดินควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ในปัจจุบันเครื่องทำน้ำอุ่นหลายๆ ตัวมีเทคโนโลยีตัดไฟอัตโนมัติ คือ ELSD หรือ ELCB ให้เลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีระบบตัดไฟ 2 ระบบนี้ หรือถ้ามีเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น ตัดไฟเมื่อเกิดความร้อนสูงเกินไป, ระบบกันน้ำเข้าเครื่อง ก็จะยิ่งดีมาก ถึงแม้ว่าอาจจะทำให้ราคาสูงขึ้นบ้างแต่ก็คุ้มค่าอย่างมากสำหรับความปลอดภัยที่ได้รับ


เครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้อไหนดี

          หนึ่งในคำถามที่หลายคนมักจะถามอยู่เสมอเวลาเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นก็คือ “ซื้อแบรนด์ไหนดี?” เพราะในตลาดมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้เลือกซื้ออย่างหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Sharp, Panasonic, Toshiba, Haier และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่มีประสิทธิภาพและมีเทคโนโลยีในการป้องกันไฟรั่ว ไฟช๊อตด้วยกันทั้งนั้น
          คงไม่ฟันธงว่าแบรนด์ไหนดีกว่ากัน แต่หลักการสำคัญคือให้เลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีมาตรฐาน มีการรับรองจากหน่วยงานต่างๆ มีการรับประกัน มีบริการหลังการขายที่ดี และเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้มั่นใจได้แล้วว่าคุณจะได้รับเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีคุณภาพ สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย







ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก www.boonthavorn.com ด้วยคะ


ความลับที่ช่างแอร์ไม่เคยบอก


บ้านไหนเจอปัญหาเหล่านี้บ้าง อาการแอร์ไม่เย็น ทั้งๆที่เพิ่งจะซื้อมาใช้ มีแต่ลมออกเหมือนพัดลมธรรมดา ๆ ออกมาจากช่องแอร์ พัดลมคอมเพรสเซอร์ทำงานปกติ แต่มีเสียงหึ่ง ๆ เป็นช่วง ๆ ลองดูประสบการณ์ตรงจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Niwat Eamkyo" ที่เคยประสบกับปัญหานี้มาก่อน ซึ่งก็นับว่าใช้ได้ผล และประหยัดเงินไปได้มาก โดยมีข้อมูลดังนี้ 

เหยื่อ...หน้าร้อน !!!...นานา สาระ รู้ไว้ใช่ว่า...จะเรียกว่าค่าโง่หรือค่าครูดี !!! อาการแบบนี้เคยเกิดขึ้นแล้วหนึ่งครั้ง เคยเรียกช่างมาซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ที่มีชื่อว่า Capacitor (คาพาซิเตอร์)ไป 1800 บาท แอร์ก็กลับเย็นเหมือนเดิม คอมเพรสเซอร์ทำงานปกติ !!! ดีจัง แต่คราวนี้เมื่ออาการเดิมกำเริบวิญญาณแม็กกายเวอร์เข้าสิง อารมณ์อยากซ่อมเอง เพราะเคยเห็นช่างซ่อมแค่ถอดไอ้เจ้าแท่งทรงกระบอกแบบสีเงินในรูปออก แล้วเอาของใหม่ใส่เข้าไปก็ใช้ได้ แท่งสีเงินเรียกว่า Capacitor หรือ เรียกสั้น ๆ ว่าแคปรัน

เริ่มจากหาข้อมูลของเจ้า Capacitor ว่ามีที่ไหนขายบ้าง ถอดซ่อมยากหรือไม่ มีร้านขายใกล้บ้านด้วย


มั่นใจปุ๊บก็ลงมือปั๊บ (ทุกขั้นตอนก่อนซ่อมต้องตัดกระแสไฟไม่ให้เข้าระบบแอร์ก่อน) ปิดระบบไฟของแอร์ให้เรียบร้อย เช่นเบรกเกอร์ที่ต่ออยู่กับเครื่องปรับอากาศ หากมีคนอยู่ในบ้านหลายคนเพื่อลดความเสี่ยงอาจจะต้องปิดไฟทั้งบ้านแล้วแจ้งให้ทุกคนทราบว่าจะมีการซ่อมแอร์ ห้ามเปิดไฟ


– ถอดหน้ากาก คอมเพรสเซอร์ แอร์ หาตำแหน่ง Capacitor

– ถ่ายรูปตำแหน่งสายไฟที่เชื่อมต่อขั้ว แคปรัน เก็บไว้ดูกันลืม

– ถอดแคปรันหรือ Capacitor ออกเอาไปเป็นตัวอย่างให้ร้านดู


ถึงกับต้องร้อง OMG !!! เมื่อรู้ว่าแบบที่ช่างเปลี่ยนให้คราวที่แล้วเป๊ะ ของผลิตจากจีนราคาส่งแค่ 60-70 บาท ร้านขายอะไหล่แอร์แถว ๆ บ้านก็ 100 กว่าบาท




ปล.เจ้าของร้านบอกของจีนใช้ไม่นานก็ต้องเปลี่ยน ไม่ถึงปีหรอก แล้วเราจ่ายค่าอะไรไป 1800 บาท คราวนี้เลยได้อะไหล่จากญี่ปุ่นไปมาแค่ 240 บาท ใช้ได้หลายปีอาเฮียบอก ได้อะไหล่กลับบ้านมาพร้อม

คำถามมากมายว่า 1800 ค่าอะไร

– นำ Capacitor ตัวใหม่ที่ได้มาใส่กลับตำแหน่งเดิม ดูรูปที่ถ่ายไว้อีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

– ลองเปิดแอร์ดู ว้าววววเย็นฉ่ำเหมือนเดิม ง่ายมั๊ย



ปล. ทุกขั้นตอนก่อนซ่อมต้องตัดกระแสไฟไม่ให้เข้าระบบแอร์ก่อนทุกขั้นตอนเลยแล้วควรจะเรียกเงิน 1,800 บาทที่จ่ายไปคราวที่แล้วว่า เป็นค่าโง่หรือค่าครูดี !!!

รู้แบบนี้กันแล้ว ลองนำวิธีที่เรานำเสนอให้ในวันนี้ลองไปใช้กันดูนะ เพราะทำเองได้ง่ายๆ แถมยังไม่ต้องเสียเงินมากมายที่จะให้ช่างมาทำด้วย และสามรถแชร์ให้เป็นประโยชน์กับคนอื่นๆได้อีกด้วย

ขอบคุณที่มา : https://www.share-si.com

สามารถติดต่อทางร้านได้ทุกช่องทางต่อไปนี้คะ

โทรศัพท์ : 055641833, 055642168 แฟกซ์ : 055623698

เพจเฟซบุ๊ค : www.facebook.com/newlandsawankhalok/

ไลน์แอด : http://line.me/ti/p/%40cwb7640b

ร้านเปิดทุกวัน 8:00น. - 18:30น. ยินดีให้บริการคร้า









วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2561

อาชีพที่เราไม่คุ้นเคย 15อาชีพ ที่ปัจจุบัน มีคนใช้สร้างรายได้อยู่จริง

15 อาชีพเสริมแนวใหม่ ถึงเป็นมนุษย์เงินเดือนก็ทำได้ รับรองไม่มีตกเทรนด์



สมัยนี้มองไปทางไหนก็มักจะพบกับเทรนด์อาชีพใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาเยอะมาก ทำให้การหารายได้เสริมในยุคนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมบางอย่างไม่จำเป็นต้องใช้ทุนอะไรมากมาย เพียงแค่เรามีความสามารถและไอเดียดี ๆ เท่านี้ก็สามารถมีอาชีพเสริมเป็นของตัวเองได้แล้ว ซึ่งก็มีหลากอาชีพเลยที่กำลังมาแรง วันนี้เราจึงคัด 15 อาชีพเสริมแนวใหม่ ทำแล้วดีมีรายได้ มาฝากทุกคนกัน ต่อให้เป็นนักเรียน นักศึกษา หรือมนุษย์เงินเดือนก็มีเงินเพิ่มในกระเป๋าได้


1. ทำอาหารกล่องขายในออฟฟิศ 

          พนักงานออฟฟิศมักมีปัญหาเรื่องการเตรียมอาหารมากินในที่ทำงาน เพราะลำพังแค่ตื่นเช้า อาบน้ำแต่งตัว ฝ่ารถติดมาถึงที่ทำงาน ก็ลำบากเต็มทีแล้ว เรื่องที่จะมีเวลาเตรียมอาหารเองเลิกคิดไปได้เลย ด้วยแบบนี้แหละ จึงเกิดช่องทางสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้หลายคนได้เลย จากการทำอาหารกล่องส่งขายตามออฟฟิศ โดยส่วนใหญ่เมนูที่ขายดี จะเป็นเมนูที่กินง่าย ๆ เช่น ข้าวหน้าต่าง ๆ แซนด์วิช ข้าวเหนียวหมูทอด หรือสลัด เป็นต้น 

อาชีพเสริมแนวใหม่
2. ทำอาหารคลีนส่งแบบเดลิเวอรี่

          ธุรกิจอาหารคลีนเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก จากกระแสรักสุขภาพของคนยุคปัจจุบัน ยิ่งถ้าเป็นอาหารคลีนแบบเดลิเวอรี่ จัดส่งถึงที่ด้วยแล้ว ยิ่งถูกใจลูกค้าเป็นที่สุด เพราะตอบโจทย์ความสะดวกสบายของคนสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญอาหารคลีนยังเป็นสินค้าที่คนยอมจ่ายเงินซื้อในราคาสูงอีกด้วย ทำให้ได้กำไรต่อกล่องไม่ใช่น้อย ๆ เลย

อาชีพเสริมแนวใหม่
ภาพจาก thanet007 / Shutterstock.com

3. ร้านอาหารแบบฟู้ดทรัค

          เป็นเทรนด์ร้านอาหารแนวใหม่ที่กำลังมาแรงในเมืองไทย ด้วยรูปแบบแปลกใหม่ ที่นำรถกระบะ รถตู้ หรือรถตุ๊กตุ๊ก มาปรับแต่งให้เป็น "ฟู้ดทรัค" (Food Truck) มีจุดเด่นตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายตระเวนขายอาหารไปได้หลายแห่ง ปรับเปลี่ยนทำเลไปได้เรื่อย ๆ จัดว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจแนวใหม่ที่น่าลงทุนเช่นกัน  


4. นักรีวิวสินค้า, รีวิวร้านอาหาร


          ปัจจุบันเวลาเราจะซื้อของ หรือเข้าไปกินอาหารสักร้านหนึ่ง เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนมักทำเป็นประจำ ก็คือการเปิดอ่านรีวิวในอินเทอร์เน็ต เพื่อเอาข้อดี-ข้อเสียมาพิจารณา จึงทำให้เกิดนักรีวิวขึ้นมามากมาย มีทั้งรีวิวเครื่องสำอาง ร้านอาหาร โรงแรมที่พัก บางคนรีวิวดี มีรูปแบบนำเสนอที่น่าสนใจ จนมีผู้ติดตามจำนวนมาก ก็พร้อมที่จะมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน เชิญให้ไปรีวิวสินค้าแบบไม่ขาดสายเลยก็ว่าได้ 

อาชีพเสริมแนวใหม่
5. เขียนนิยายออนไลน์ 

          สำหรับใครที่รักการอ่าน ชอบการเรียน และมีไอเดียบรรเจิดในหัวละก็ อย่าเก็บไว้คนเดียว ลองนำมาสร้างรายได้ด้วยการเขียนนิยายดูสิ เพราะเดี๋ยวนี้มีช่องทางให้โชว์ผลงานเต็มไปหมด ทั้งในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ต่าง ๆ ไม่แน่นิยายที่เราเขียนอาจจะฮิตติดลมบน จนสร้างเงินเป็นกอบเป็นกำ หรือถูกตีพิมพ์รวมเล่ม ถูกนำไปสร้างละคร สร้างซีรีส์ก็เป็นได้  

อาชีพเสริมแนวใหม่
6. ออกแบบสติ๊กเกอร์ Line

          ทุกคนคงใช้งานแอปพลิเคชัน Line กันเป็นประจำอยู่แล้ว และก็น่าจะมีจำนวนไม่น้อยแหละที่เคยเสียเงินซื้อสติ๊กเกอร์ในแอปฯ เพราะมีสติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งตรงนี้แหละได้กลายเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ ของนักออกแบบ และคนที่ชื่นชอบในการวาดรูปหลายคนเลย ใครรู้ว่าตัวเองมีความสามารถทางด้านนี้ก็ลองดูได้เลย


7. ขายภาพออนไลน์

          จัดเป็นอาชีพเสริมยอดฮิตของคนที่ชื่นชอบในการถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ เพราะสามารถนำภาพถ่ายของตัวเองมาทำเงินได้ง่าย ๆ ด้วยการขายตามเว็บไซต์ขายภาพออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลายเว็บไซต์ ส่วนเรื่องผลตอบแทนก็ไม่น้อยเลย เพราะถ้าเกิดรูปที่ถ่ายได้รับความนิยม ถูกดาวน์โหลดเป็นจำนวนมาก เผลอ ๆ บางทีอาจจะทำเงินได้มากกว่างานประจำซะอีก  

อาชีพเสริมแนวใหม่
8. นักแคสต์เกม

          หลายคนอาจจะยังติดภาพว่าเกมเป็นเรื่องของเด็ก แลดูไร้สาระ แต่หารู้ไม่ว่าสมัยนี้ธุรกิจเกมเติบโตเป็นอย่างมาก จนเกิดอาชีพใหม่ ๆ ขึ้นมามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ นักแคสต์เกม หรือนักรีวิวเกมนั่นเอง ด้วยการถ่ายทอดความรู้จากการเล่นเกม เผยเทคนิควิธีการต่าง ๆ ผ่านทาง Youtube หรือเว็บไซต์สตรีมมิ่ง โดยจะมีรายได้จากการสนับสนุนของผู้ชม และสปอนเซอร์ที่เป็นสินค้าเกี่ยวกับเกมและอุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ 

อาชีพเสริมแนวใหม่
9. YouTuber, ทำ VLOG

          สังเกตไหมว่าตอนนี้มีแชนแนลใน Youtube ผุดขึ้นมาเยอะแยะเลย และหลาย ๆ แชนแนลก็กำลังเป็นกระแส ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ จนสร้างรายได้เข้ามามากมาย จากค่าโฆษณาของ Youtube ที่คิดตามยอดวิวของคลิปนั้น ๆ แถมไม่น่าเชื่อว่าบางรายการมีคนติดตามเป็นล้าน เยอะยิ่งกว่ารายการบนทีวีซะอีก

อาชีพเสริมแนวใหม่
10. เปิดคอร์สออนไลน์ 

          เป็นอาชีพเสริมที่เอาความถนัดของเรา มาถ่ายทอดให้คนอื่นที่สนใจเรื่องนั้น ๆ ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งสมัยนี้ทำกันอย่างแพร่หลายเลย มีทั้งเรื่องวิชาการหนัก ๆ เช่น สอนทำบัญชี เขียนโปรแกรม งานกราฟิก หรือจะเป็นการติวหนังสือ สอนภาษาอังกฤษแบบสนุก ๆ รวมไปถึงพวกงานอดิเรกก็มีให้เห็นเยอะแยะไม่แพ้กัน เช่น สอนทำอาหาร สอนถ่ายภาพ สอนแต่งหน้า เป็นต้น


11. แม่บ้านออนไลน์ 

          เป็นอาชีพใหม่ที่น่าจับตาและสร้างรายได้งามอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยการให้บริการรับจ้างทำความสะอาด โดยคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ผ่านการจองในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งลูกค้าที่ใช้บริการจะสามารถเช็กประวัติพนักงานได้ผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่พึงพอใจ รู้สึกปลอดภัย และยอมจ่ายค่าบริการในเรตราคาที่สูงนั่นเอง  

อาชีพเสริมแนวใหม่
12. ขับรถส่งของ-อาหาร  

          ยุคดิจิทัลแบบนี้ หลายคนเลือกสั่งซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ที่สะดวกกว่ากันเยอะมาก ทำให้ธุรกิจรูปแบบใหม่ประเภทขี่รถจักรยานยนต์ส่งสินค้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหลายเท่าแม้จะเข้ามาตีตลาดได้ไม่นาน และตอนนี้หลายเจ้าก็ยังมีบริการฝากซื้ออาหาร (Food Delivery) แล้วไปส่งให้กินถึงบ้าน ตอบโจทย์คนยุคนี้ที่เน้นความสะดวกสบายสุด ๆ จนเป็นช่องทางโกยเงินให้ผู้ที่มีรถจักรยานยนต์ได้เป็นอย่างดี จะทำเป็นทั้งอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมก็ได้ เพราะมีชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่น ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ว่างเมื่อไหร่ค่อยทำก็ได้

อาชีพเสริมแนวใหม่
13. ไลฟ์สดขายเสื้อผ้า-สินค้ามือสอง
          
          ยุคนี้ถ้าเปิดเข้าไปใน Facebook, Instagram น่าจะเคยเห็นคนไลฟ์สดขายของกันบ้าง ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า บางคนใช้เวลาไลฟ์ไม่ถึงชั่วโมง ก็ทำเงินเป็นกอบเป็นกำแบบไม่น่าเชื่อ ด้วยเทคนิคการพูดและการขายของที่ชวนให้ลูกค้าอยากซื้อ โดยส่วนใหญ่จะเน้นขายเสื้อผ้ามือสอง ราคาถูก จึงเหมาะสุด ๆ กับสาว ๆ ที่มีเสื้อผ้าอยู่เต็มตู้แต่ไม่ค่อยได้หยิบมาใส่สักที การนำมาเปิดขายออนไลน์ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจทีเดียว


14. รับพรีออร์เดอร์สินค้า

          อีกหนึ่งอาชีพที่ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุนเลย เพียงแต่ต้องรู้แหล่งสั่งสินค้า โดยการเปิดรับพรีออร์เดอร์สินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าจากต่างประเทศ หรือสินค้าเฉพาะกลุ่มที่หายาก ๆ ซึ่งอาชีพนี้ ดีตรงที่เราไม่ต้องเอาเงินไปจมกับการซื้อของมาเก็บสต็อกไว้ขาย แต่รอให้มีคนสั่งก่อนค่อยไปซื้อมา ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้เยอะเลย

อาชีพเสริมแนวใหม่
15. รับหิ้วของ Sale

          เป็นอาชีพเพื่อเอาใจขาช้อปที่ไม่มีเวลาโดยเฉพาะ สำหรับคนรับหิ้วสินค้า โดยจะตระเวนไปตามงานเซลต่าง ๆ แล้วรับซื้อสินค้าให้คนที่ต้องการ โดยบวกราคาสินค้าแต่ละชิ้นเข้าไป  ซึ่งปัจจุบันเราก็เห็นได้ชัดเลยว่า มีคนหันมาทำอาชีพนี้เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก ๆ เพราะมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องลงทุน หรือแบกรับความเสี่ยงอะไรมาก แต่กลับทำเงินเป็นกอบเป็นกำได้ง่าย ๆ 

 
          เห็นไหมล่ะว่าตอนนี้อะไร ๆ ก็กลายเป็นอาชีพที่สร้างเงินกันได้ทั้งนั้น เพราะมีช่องทางให้เลือกมากมาย ตามความถนัด ความสามารถที่แต่ละคนมี ใครชอบ ใครถนัดแบบไหน ลงมือแล้วทำให้เต็มที่ได้เลย

ข้อมูลอ้างอิง จาก https://money.kapook.com/


วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

8 หลักสำคัญในการเลือกซื้อหาเครื่องทำน้ำอุ่น

จากฤดูฝน ต่อไปก็ ฤดูหนาว เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านชนิดหนึ่งที่หลายๆ คนนึกถึงทุกครั้งที่อาบน้ำ การเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน เพราะนอกจากเครื่องทำน้ำอุ่นจะเป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างกินไฟแล้ว เรายังต้องคำนึกถึงคุณภาพและระบบความปลอดภัยของเครื่องที่เราจะซื้อด้วย ดังนั้นเราควรศึกษาข้อมูลและมีรอบคอบในการตัดสินใจซื้อ 

หากท่านกำลังมีคำถามว่า วิธีเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นทำอย่างไร เครื่องทำน้ำอุ่นยี่ห้ออะไรดี อ่านบทความนี้แล้วท่านอาจได้คำตอบที่ต้องการ   

หลักการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่น 
ในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นนั้น มีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องในการตัดสินใจ เช่น   

1.เลือกตามชนิด (ใช้ไฟฟ้านิยมที่สุด) 
เครื่องทำน้ำอุ่นมีหลายแบบให้เลือก เช่น แบบหม้อต้ม หรือแบบขดลวด เป็นต้น และยังมียังสามารถเลือกแหล่งเชื่อเพลิงได้อีก โดยเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้ไฟฟ้ายังคงชนิดที่ครัวเรือนส่วนใหญ่นิยมใช้กัน นอกจากนี้ยังมีเครื่องทำน้ำอุ่นที่ใช้แก๊สธรรมชาติ (เช่น แก็ส LPG) และเครื่องทำน้ำร้อนชนิดใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar energy) ให้เลือกซื้อกัน   

2.ดีไซน์ (design) ของเครื่อง (หากไม่ติดขัดพื้นที่ห้องน้ำขนาดเล็ก)
รูปทรง ความสวยงาม การออกแบบ หรือฟังก์ชั่นการใช้งานของเครื่องทำน้ำอุ่น ก็มีส่วนในการตัดสินใจซื้อของเรา อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ใส่ใจที่ระบบความปลอดภัยของเครื่อง (ดูข้อ 5) ก่อนเป็นอันดับแรก    

เครื่องทำน้ำอุ่นบางรุ่นนั้นออกแบบมาให้อัตราการไหลของน้ำอุ่นสัมพันธ์กับการทำงานของเครื่อง ดังนั้นเครื่องเหล่านี้มักจะมีฝักบัวแถมมาด้วยเสมอ บางครั้งการนำเครื่องทำน้ำอุ่นไปต่อกับฝักบัวทั่วไป อาจทำให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานไม่เต็มที่ หลายคนจึงซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่มาพร้อมกับฝักบัว    


เครื่องทำน้ำอุ่นบางรุ่นมีการเพิ่มเติมฟังก์ชั่น ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อผู้รักสุขภาพสุขภาพ และสุนทรีย์ เนื่องจากการอาบน้ำสามารถผสมผสานของศาสตร์แห่งวารีบำบัดได้อย่างลงตัว เช่นฟังก์ชั่น การอาบน้ำร้อนสลับเย็น ซึ่งมาจากศาสตร์ contrast Hydrotherapy ที่ช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น  
  
 3.ความต้องการในใช้งาน (เผื่อสักหน่อยเลือกใช้ 4,500วัตต์)
สำหรับปริมาณการใช้งานในแต่ละครอบครัวนั้น แนะนำให้ใช้เครื่องทำน้ำอุ่นขนาด 1 ลิตรขึ้นไปสำหรับครอบครัวประมาณ 4 คนขึ้นไป การใช้งานบ่อยๆ (มีคนใช้งานหลายคน) ก็คงต้องเลือกให้มีขนาดใหญ่เสียหน่อย เครื่องจะได้ทำน้ำอุ่นได้ทัน และระบบทำความร้อนไม่ถูกใช้งานมากจนเกินไป ส่วนกรณีใช้งานน้อย เช่น 1-2 คน ก็ควรเลือกใช้ที่ขนาดครึ่งลิตรก็เพียงพอแล้ว    

สภาพภูมิประเทศที่คุณอยู่อาศัยนั้นมีสภาพอากาศอย่างไร กรณีสภาพอุณหภูมิปกติ เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล ควรเลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีกำลังวัตต์เพียง 3,500 วัตต์ หรือ 4,500 วัตต์ ก็เพียงพอต่อความต้องการและประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนในกรณีที่พื้นที่มีอากาศหนาวถึงหนาวมาก ก็ควรเลือกเครื่องทำน้ำอุ่น แบบมีกำลังวัตต์ที่สูงขึ้น เช่น เป็นขนาด 6,000 วัตต์ เป็นต้น เนื่องจากขนาดกำลังไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้า มีหน่วยเป็น กำลังวัตต์ทางไฟฟ้า ซึ่งกำลังวัตต์ยิ่งมาก ความสามารถในการให้ความร้อนก็ยิ่งสูงขึ้น   

4.การประหยัดพลังงาน (เลือก ฉลากประหยัดไฟ เบอร์5)
เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างกินไฟ ดังนั้นการพิจารณาเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานเป็นสิ่งที่ดี  ในกรณีเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้ไฟฟ้า การเลือกซื้อก็คงต้องเลือกใช้เบอร์ 5 ประหยัดไฟกันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เรามีคำแนะนำเพิ่มเติม ดังนี้    

เลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นหลัก เช่น ต้องการใช้น้ำอุ่นเพื่ออาบน้ำ หรือล้างจาน เป็นต้น และเลือกขนาดเครื่องให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว (จำนวนผู้ใช้งานมีมากน้อยเพียงใด) เพื่อประหยัดพลังงาน 

เลือกใช้หัวฝักบัวชนิดประหยัดน้ำ (Water Efficient Showerhead) เพราะประหยัดน้ำกว่าหัวฝักบัวธรรมดา 25-75% 

เลือกใช้เครื่องทำน้ำอุ่นที่มีถังน้ำภายในตัวเครื่อง และมีฉนวนหุ้ม เพราะสามารถลดการใช้พลังงานได้ 10-20% 
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้าชนิดที่ไม่มีถังน้ำภายใน เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองการใช้พลังงานในการทำน้ำให้ร้อนตลอดเวลา     

5.ระบบความปลอดภัย  (มีติดตั้งระบบตัดไฟฉุกเฉิน)
สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นแล้วเรื่องความปลอดภัย ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เราควรให้ความสำคัญ เรามีคำแนะนำเบื้องต้น ดังนี้    เครื่องทำน้ำอุ่นที่ปลอดภัยจะต้องมีเครื่องป้องกันไฟดูดติดตั้งอยู่ในตัวเครื่อง (ระบบ ELB และ ESD) แต่ถ้าเราซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นมาแล้วแต่ไม่มีตัวตัดไฟ ก็ให้หาซื้อเบรคเกอร์พิเศษชนิดที่ตัดได้ทั้งไฟเกิน ไฟรั่ว ไฟดูด มาติดตั้งเพิ่มเติมได้    

หากเครื่องทำน้ำอุ่นไม่มีเครื่องป้องกันไฟดูดติดตั้งอยู่ในตัวเครื่อง  อย่างน้อยฝาหลังเครื่องทำน้ำอุ่นนั้นต้องเป็นโลหะ ตัวกล่องด้านหน้าเป็นพลาสติกไม่เป็นไร แต่ฝาหลังที่ยึดติดกับฝาผนังต้องทำจากโลหะ เพราะถ้าเกิดมีไฟรั่วขึ้นมาไฟจะได้รั่วลงดิน ผ่านทางฝาหลังออกไปยังน็อตสกรูที่ยึดติดกับปูนฝาผนังช่วยลดอันตรายจากไฟรั่วได้    
สายดินหรือสายกราวนด์ในตัวเครื่องจะต้องไม่เล็กกว่า 2.5 SQ.MM. มีสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิหรือไม่ โดยสวิตช์ตัวนี้ทำหน้าที่ตัดไฟเวลาน้ำอุ่นร้อนได้ที่ ถ้าไม่มีสวิตช์ตัวนี้อย่าซื้อมาใช้เด็ดขาด เพราะถ้าเผลอเปิดทิ้งไว้เมื่อไรมีสิทธิ์ทำไฟไหม้บ้านได้    

สวิตช์ควบคุมแรงดันน้ำ ลองพิจารณาดูว่า ถ้าหม้อต้มน้ำร้อนรั่วขึ้นมา น้ำที่รั่วจะไหลหยดลงบนสวิตช์ได้หรือไม่ ถ้าคิดว่าหยดลงได้ไม่ควรซื้อมาใช้ เพราะอาจทำให้ถูกไฟฟ้าดูดได้  เครื่องทำน้ำอุ่นที่ได้มาตรฐานต้องออกแบบให้สวิตช์ตัวนี้อยู่ในตำแหน่งใต้หม้อต้มน้ำร้อนแบบเยื้องๆ ไม่ใช่ข้างใต้แบบตรงพอดิบพอดี หากหม้อต้มน้ำร้อนรั่ว น้ำต้องไม่หยดลงบนสวิตช์ และตัวสวิตช์ต้องมีวัสดุกันน้ำชนิดคลุมมิดชิดไม่ใช่ปล่อยให้เปลือยเปล่าล่อไฟช็อต    


ขนาดสายไฟของเครื่องทำน้ำอุ่นต้องได้ขนาด ไม่เล็กจนเกินไป โดยมีสูตรคำนวณคร่าวๆ ดังนี้ ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า เครื่องทำน้ำอุ่นนั้นกินไฟเท่าไร จากนั้นเอา 1,320 หาร จะได้ค่าของขนาดสายไฟ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่นกินไฟ 5,500 วัตต์ หารด้วย 1,320 ได้ผลลัพธ์ 4.16 ฉะนั้นขนาดสายไฟที่เหมาะสม ต้องไม่น้อยกว่า 4 SQ.MM. สูตรนี้เอาไปคำนวณการเดินสายไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นได้ด้วย    

การป้องกันน้ำเข้าไปในระบบของเครื่อง (เช่น รูปแบบของฝาครอบ) เพราะน้ำในระหว่างการใช้งานอาจจะกระเด็นเข้าในตัวเครื่องได้ ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร     

6.การรับประกันและการบริการหลังการขาย  ควรเลือกสินค้าที่มีการรับประกันและการบริการหลังการขายที่ดี   

7.แบรนด์หรือยี่ห้อ  เครื่องทำน้ำอุ่นมีขายกันมีมากมายหลายยี่ห้อ เช่น Panasonic, Sharp, Haier, Toshiba, Stiebel, Siemens ฯลฯ 

และมีราคาตั้งแต่ 2 พันกว่าบาทขึ้นไป และคิดค่าติดตั้งเพิ่ม หลายท่านมีแบรนด์ที่ชื่นชอบหรือเชื่อใจอยู่แล้ว หลายท่านยังไม่ได้เลือกยี่ห้อไว้ แนะนำว่าควรดูที่คุณสมบัติ คุณภาพ และความเหมาะสมของราคาไว้ก่อน ส่วนแบรนด์หรือยี่ห้อของสินค้า บางครั้งก็น้ำหนักในการตัดสินใจเช่นกัน แหล่งผลิต เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศนั้น ประเทศนี้ ก็มีส่วนในการตัดสินใจไม่น้อย 

ควรเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและมียี่ห้อที่ได้มาตรฐาน เพราะว่ายิ่งยี่ห้อมีชื่อเสียงและได้รับมาตรฐานมากเท่าใด ความปลอดภัยก็จะสูงตามขึ้นไปด้วย เครื่องทำน้ำอุ่นที่ได้มาตรฐานและมียี่ห้อที่เชื่อถือได้นั้น จะผ่านการทดสอบและได้รับรางวัลต่างๆ ซึ่งเป็นการการันตีเบื้องต้นถึงคุณภาพ ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าเครื่องทำน้ำอุ่นชนิดโนเนม แต่ก็คุ้มครองชีวิตคุณ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า สำหรับเวลาที่ท่านไปหาซื้อตามห้างหรือร้านค้า คนขายมักจะพยายามแนะนำให้ไปใช้ยี่ห้อโน้น ยี่ห้อนี้ แนะนำว่า อย่าเชื่อคำโฆษณาหรือของแถมมากเกินไป ทางที่ดีเราควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ไปให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ   

8.ราคาและงบประมาณที่เรามี  หากท่านมีกำลังซื้อมากก็สามารถเลือกซื้อเครื่องทำน้ำอุ่นที่ดี มีประสิทธิสูงได้ไม่ยาก แต่หากท่านมีงบประมาณจำกัดก็คงต้องตัดสินใจเลือกให้ดีที่สุด อาศัยหลายปัจจัยร่วมในการตัดสินใจ เปรียบเทียบราคา ยี่ห้อ รุ่นต่างๆ จนได้ที่พอใจแล้วค่อยซื้อ ดังนั้นงบประมาณที่เรามีก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กำหนดลักษณะของเครื่องทำน้ำอุ่นที่เรากำลังจะเลือกซื้อได้เช่นกัน

ขอบคุณที่มา : 8 หลักสำคัญในการเลือกซื้อหาเครื่องทำน้ำอุ่น


สามารถติดต่อทางร้านได้ทุกช่องทางต่อไปนี้คะ

โทรศัพท์ : 055641833, 055642168 แฟกซ์ : 055623698

เพจเฟซบุ๊ค : www.facebook.com/newlandsawankhalok/

ไลน์แอด : http://line.me/ti/p/%40cwb7640b

ร้านเปิดทุกวัน 8:00น. - 18:30น. ยินดีให้บริการคร้า